สารบัญเนื้อหา

1. Organic traffic

2. Paid ads traffic

สรุป

Organic Traffic คืออะไร ?

Organic traffic หมายถึงการเข้าชมเว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่เกิดจากผู้ใช้งานค้นหาโดยตรงผ่านเครื่องมือค้นหา (Search Engine) ต่างๆ เช่น Google หรือ Bing โดย Organic traffic คือผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ในแบบธรรมชาติ ไม่ใช่ผู้เยี่ยมชมแบบ Paid Ads หรือการโฆษณาแต่อย่างใด

1. Organic traffic

การเข้าชมเว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยตรงผ่านเครื่องมือค้นหา เช่น กูเกิล (Google) โดยไม่มีการชำระค่าโฆษณาหรือการเลือกโฆษณาใดๆ เพื่อเพิ่มการเข้าชม ดังนั้น หากเว็บไซต์ของคุณได้รับการค้นหาและเข้าชมโดยผู้ใช้งานโดยไม่ต้องพิจารณาถึงการโฆษณาเพิ่มเติม นั่นจะถือว่าเป็น organic traffic

ในทางกลับกัน การเข้าชมเว็บไซต์ผ่านลิงก์ที่ถูกโฆษณาหรือลิงก์ที่เรียกดูเป็นเป้าหมาย (paid ads) จะไม่ถือว่าเป็น organic traffic เนื่องจากผู้ใช้งานเข้าชมเว็บไซต์ด้วยการคลิกโฆษณาที่เรียกดูเป็นเป้าหมาย อีกทั้งยังมีรูปแบบอื่นๆ ของการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์อีกมากมาย เช่น การแชร์ลิงก์ผ่านโซเชียลมีเดีย การส่งอีเมล์แบบก่อนอื่น หรือการส่งเชิญผ่านลิงก์ที่คลิกในลายเซ็นต์อีเมล์ ซึ่งเรียกว่า traffic ที่เกิดจากช่องทางเหล่านี้ไม่ใช่ organic traffic

2. Paid ads traffic

การเข้าชมเว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่เกิดจากผู้ใช้งานคลิกลิงก์ที่ถูกโฆษณาหรือลิงก์ที่เรียกดูเป็นเป้าหมาย โดยผู้โฆษณาจะจ่ายเงินให้กับแพลตฟอร์มโฆษณา (เช่น Google Ads, Facebook Ads, Twitter Ads ฯลฯ) เพื่อที่จะแสดงโฆษณาของตนให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ ผู้ใช้งานที่เห็นโฆษณาและคลิกลิงก์จะถูกนำสู่เว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูลที่โฆษณานั้นเรียกไป เรียกว่า paid ads traffic เนื่องจากเป็นการเสียค่าโฆษณาในการดึงดูดผู้ใช้งานเข้าสู่เว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูลนั้นๆ

สรุป Traffic การเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูล (traffic) เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ เนื่องจากมีผลต่อหลายด้านเช่นการสร้างยอดขาย การเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและผู้ชมที่เป้าหมาย การเพิ่มการตลาดและการรับรู้แบรนด์ และการปรากฏในผลการค้นหา ในทาง SEO (Search Engine Optimization) เป็นกระบวนการที่ใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น กูเกิล ทำให้เว็บไซต์ของคุณได้รับ organic traffic มากขึ้น การใช้เทคนิคที่ถูกต้องในการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์ เช่น การเพิ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในเนื้อหา การเพิ่มคุณภาพและความสม่ำเสมอของเนื้อหา การสร้างลิงก์ภายนอกที่มีคุณภาพ และการปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์และรหัส HTML เพื่อให้เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหา นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการทำ SEO เช่น ความเร็วโหลดของเว็บไซต์ การเข้าชมเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานและเว็บไซต์ของคุณ